ในปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าเป็นอุปกรณ์ทางเลือกที่ได้รับความนิเป็นอย่างมาก โดยที่มีตัวเลขในการใช้เป็นจำนวนมาก เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนหันมาเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้านั่นก็คือ การที่มีโฆษณาออกมามากมาย เกี่ยวกับสรรพคุณต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้สามารถเลือกบุหรี่ได้ง่ายกว่าวิธีอื่น ๆ จนมาในวันนี้ ที่บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้นำเอามาใช้งานเพื่อเป็นการเลือกบุหรี่ แต่ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นมากขึ้น ในฐานะแฟชั่น ที่วัยรุ่นทุกคนมักจะอยากได้เอามาเติมเต็ม ภายใต้แนวคิดที่ว่า สูบได้ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งจริง ๆ แล้วหลายคนที่สูบโดยคิดแค่ว่ามันเท่ มันเป็นแฟชั่น แต่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ดี จึงไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว บุหรี่ไฟฟ้าทำให้สามารถเลิกบุหรี่ได้จริงหรือเปล่า และการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะไม่เป็นอันตรายจริง ๆ หรือไม่
บุหรี่ไฟฟ้า ช่วยเลิกบุหรี่ได้อย่างที่โฆษณาจริงหรือไม่?
ปัจจุบันมีข้อมูลต่าง ๆ ให้ได้ศึกษามากมาย เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ที่ไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะเดี๋ยวนี้การเข้าถึงความรู้ต่าง ๆ นั้นสามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่ก็ต้องบอกว่าสำหรับ บุหรี่ไฟฟ้า ยังถือว่ามีความกำกวมอยู่อย่างมาก เพราะถึงแม้จะมีการถกเถียงกันมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยชุดไหน ที่จะให้คำตอบได้อย่างชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้า จะสามารถทำให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่ เช่นเดียวกับในเรื่องของความปลอดภัย เพราะก็ยังไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีความปลอดภัยมากกว่าบุหรี่ธรรมดา ทั้งนี้ได้มีงานวิจัยชื้นหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเป็นงานวิจัยที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ที่ได้บอกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบุหรี่ไฟฟ้าเอาไว้ว่า
ได้มีการทำการทดลองเก็บข้อมูลโดยการนำเอาผู้ป่วยที่ต้องการ เลิกบุหรี่ จำนวน 890 ราย มาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยที่กลุ่มแรก ให้เป็นการเลิกบุหรี่ธรรมดาด้วยการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นวิธีทางเลือก และอีกหนึ่งกลุ่ม ก็ให้เลิกบุหรี่ธรรมดาด้วยเช่นกัน แต่เป็นการเลิกบุหรี่ด้วยวิธีการรับยา โดยที่ทั้ง 2 กลุ่ม ก็จะทำการเข้ารับการทดลองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ในระยะเวลาดังกล่าว ก็จะทำการเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับพฤติกรรมในการปรับเปลี่ยนเพื่อเป็นการเลิกบุหรี่ไปด้วย ซึ่งผลปรากฏออกมานั้น ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะ กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกบุหรี่ได้ 18% ส่วนในกลุ่มที่ใช้ยาสามารถเลิกบุหรี่ได้ 9.9% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎีเพียงเท่านั้น
ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว อาจจะสามารถบอกได้ว่า การเลือกนำเอาบุหรี่ไฟฟ้า มาเป็นทางเลือกในการเลิกบุหรี่ จะสามารถได้ผลที่ดีกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ทว่า การติดตามผลดังกล่าวนั้น จะพบได้ว่า มีจำนวนตัวเลขที่มากถึง 18% ด้วยกัน ของกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า มี 80% กลับไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน และในส่วนของกลุ่มคนที่เลือกบุหรี่ด้วยยา ก็จะพบได้ว่ามีตัวเลขที่สูงกว่า 90% ที่สามารถเลือกบุหรี่ได้ขาดเลย และไม่จำเป็นต้องใช้ยาใด ๆ มาเป็นตัวช่วยอีกด้วย เพราะฉะนั้น การวิจัยนี้จึงอาจสรุปได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง แต่กลายเป็นว่าเราจะหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทนได้นั่นเอง